เชื่อว่าคุณแม่หลาย ๆ คนที่กำลังตั้งครรภ์ ก็คงจะต้องอยากรู้เกี่ยวกับ พัฒนาการทารกในครรภ์ กันอย่างแน่นอน ว่าเขานั้นเป็นอย่างไรบ้าง อยู่สบายไหม หรือมีพฤติกรรมในขณะที่อยู่ในครรภ์อย่างไรบ้าง ซึ่งวันนี้เราก็มีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับพัฒนาการทารกในครรภ์ 9 เดือน มาฝากคุณแม่ทั้งหลายให้ได้รู้เกี่ยวกับลูกน้อยในครรภ์ของคุณ พวกเขาจะมีพัฒนาการในขณที่อยู่ในครรภ์อย่างไรบ้างนั้นเรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
พัฒนาการทารกในครรภ์ 9 เดือน เป็นอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี่
พัฒนาการของทารกนั้นเป็นเรื่องที่น่าพิศวงค่ะ ตั้งแต่เด็กสามารถอยู่ในครรภ์ของเราและเติบโตได้นั้นก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ๆ แล้ว แต่การที่เขานั้นดันมีพัฒนาการในขณะที่อยู่ในครรภ์นั้นเป็นเรื่องที่มีความเหลือเชื่อมากกว่า เพราะฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าใน ระยะเวลา 9 เดือน ตลอดที่ทารกอยู่ในครรภ์นั้นเขามีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างไรกันบ้าง
1 เดือน
ในช่วง 1 เดือนนั้น ทารกจะมีลักษณะคล้ายกับลูกน้ำ มีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ส่วนน้ำหนักนั้นจะหนักอยู่ที่ไม่ถึง 1 กรัม มีหัวโต และจะมีติ่งแขนและติ่งขาสองข้างงอกออกมา มีสายสะดือที่ค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งยังมีเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำที่เป็นจุดลำเลียงอาหารและพาของเสียย้อนกลับ
2 เดือน
ส่วนของลำตัวทารกนั้นจะมีขนาดที่ยาวขึ้นโดยจะอยู่ที่ 2.5 เซนติเมตร โดยประมาณ พร้อมกับน้ำหนักตัวประมาณ 3 กรัม ในส่วนของติ่งแขนและติ่งขาที่งอกออกมาเริ่มเป็นนิ้วมือและนิ้วเท้า เห็นข้อมือและข้อศอกได้ชัดเจนมากขึ้น จมูก ปาก และตาดำ และหู เริ่มเห็นได้ชัดขึ้น มีอวัยวะครบสมบูรณ์และหัวใจเต้น มีผิวหนังและขนที่เริ่มขึ้นมา
3 เดือน
ส่วนของลำตัวทารกจะมีขนาดความยาวอยู่ที่ 9 เซนติเมตร โดยประมาณ น้ำหนักจะอยู่ที่ประมาณ 15 กรัม ซึ่งพัฒนาการทารกในครรภ์ช่วงเดือนที่ 3 นี้ หัวของทารกจะเริ่มมีขนาดที่โตขึ้น ซี่โครงและกระดูกเริ่มเห็นได้ชัดเจน เริ่มเห็นอวัยวะเพศ เหง้าฟันซ่อนอยู่ที่ปุ่มเหงือกครบทั้ง 32 ซี่ เริ่มที่จะสามารถกลืนน้ำคร่ำได้อีกทั้งยังสามารถฉี่ออกมาได้เพราะระบบขับถ่ายของทารกเริ่มที่จะทำงานแล้ว
4 เดือน
ส่วนของลำตัวจะมีขนาดความยาวอยู่ที่ 16 เซนติเมตร โดยประมาณ มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 100 กรัม ส่วนของหัวจะยังคงใหญ่กว่าส่วนลำตัว ขนคิ้ว ขนตา และผมเริ่มงอกแล้ว ในเดือนนี้จะสามารถเห็นอวัยวะเพศได้ชัดเจนซึ่งก็จะนำไปสู่การอัลตร้าซาวด์เพื่อหาเพศของเด็ก และในช่วงนี้เป็นช่วงที่ทารกสามารถสัมผัสถึงแสงได้ค่ะแต่เปลือกตายังคงติดกันอยู่ เป็นช่วงที่ปอดเริ่มทำงานแล้วแต่ยังคงต้องใช้ออกซิเจนผ่านรกอยู่ดี ซึ่งเมื่อทารกได้ยินเสียงของแม่ก็อาจจะเตะท้องแต่มันเป็นแรงที่ค่อนข้างเบา แม่จึงอาจจะยังไม่รับรู้ถึงความรู้สึกนี้เสียเท่าไหร่
5 เดือน
ส่วนของลำตัวจะมีขนาดความยาวอยู่ที่ 25 เซนติเมตร โดยประมาณ มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 300 กรัม เปลือกตาก็ยังคงปิดอยู่แต่ก็ยังไวต่อแสง ฟันน้ำนมขึ้นอยู่ในเหงือกครบทั้ง 32 ซี่ เริ่มดิ้นและพลิกไปพลิกมาในท้องแม่จนแม่รู้สึกได้ ขนอ่อนบนผมเริ่มเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถแยกรสอาหารได้เนื่องจากต่อมรับรสเริ่มทำงานได้แล้ว
6 เดือน
ส่วนของลำตัวจะมีขนาดความยาวอยู่ที่ 33 เซนติเมตรโดยประมาณ มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 600 กรัม เปลือกตาเริ่มเปิดแล้ว แต่ในส่วนของปอดนั้นก็ยังคงต้องอาศัยออกซิเจนจากรก เริ่มมีความรู้สึกในเสียงและแสงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่ดีมาก ๆ ในการพูดคุยกับทารกในช่วงนี้เพราะจะทำให้เขาสามารถจดจำเสียงของเราได้ และเขาก็จะโต้ตอบด้วยการถีบท้องเบา ๆ
7 เดือน
ส่วนของลำตัวจะมีขนาดความยาวอยู่ที่ 35 เซนติเมตร โดยประมาณ มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 1,000 กรัม ในช่วงนี้ต่อมไขมันของทารกจะเริ่มทำงานแล้ว จึงทำให้ผิวหนังของทารกมีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเขายังสามารถกินน้ำคร่ำได้ ซึ่งการกินน้ำคร่ำนี้จะเท่ากับการที่เขาได้หัดดูดนมไปในตัว และในทารกบางรายเริ่มมีการเปลี่ยนทิศทางการนอนโดยจะนอนเอาส่วนหัวลงคล้ายกับว่าจะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว อีกทั้งเป็นช่วงที่แขนและขาเริ่มยืดออกมากขึ้น ทำให้พื้นที่ในท้องแม่มีขนาดที่แคบลงเมื่อลูกดิ้นจึงจะสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ
8 เดือน
ส่วนของลำตัวจะมีขนาดความยาวอยู่ที่ 40 เซนติเมตร โดยประมาณ มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 1,600 กรัม ในช่วงนี้ผมของทารกจะงอกขึ้นเต็มศีรษะแล้ว อีกทั้งเล็บมือเล็บเท้าก็งอกจนเต็มแล้ว ผิวหนังเริ่มเป็นสีชมพู และในบางคนนั้นจะอยู่ในท่าที่เตรียมคลอดแล้ว
9 เดือน
ส่วนของลำตัวจะมีขนาดความยาวอยู่ที่ 50 เซนติเมตร โดยประมาณ น้ำหนักตัวจะอยู่ที่ประมาณ 3,000-3,500 กรัม (หรือมากกว่า) ซึ่งในช่วงนี้ผิวหนังของทารกจะมีความเรียบแล้ว ซึ่งจะต่างจากเดือนที่แล้วที่ผิวหนังนั้นยังมีความเหี่ยวย่นอยู่ ผิวหนังเป็นสีชมพู โดยทารกส่วนใหญ่จะอยู่ท่ากลับหัว ซึ่งหมายความว่าเขาพร้อมที่จะออกมาแล้ว แต่ในทารกบางรายนั้นกลับอยู่ในท่าก้น ซึ่งเป็นท่าที่ทารกนั้นจะเอาก้นออกมาแทนที่จะเป็นหัว โดยหากเป็นเช่นนี้ทางแพทย์ก็จะมีท่านวดที่ทำให้ทารกสามารถกลับหัวได้ แต่หากไม่สามารถกลับหัวได้จริง ๆ นั้น ก็จะใช้วิธีผ่าแทนการคลอดแบบธรรมชาติแทนค่ะ
และนี่ก็คือพัฒนาการทารกทั้ง 9 เดือน ที่จะทำให้คุณแม่ทุกคนได้รู้ว่าตลอดเวลาที่เขาอยู่ในครรภ์ของเรานั้นเขามีการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ซึ่งก็มีคุณอแม่บางรายค่ะที่ตั้งครรภ์ถึง 11 เดือนกันเลยทีเดียว ซึ่งผู้เขียนเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน เลยทำให้ได้รู้ว่าเมื่อเด็กคลอดออกมานั้นจะมีขนาดตัวที่โตมากกว่าเด็กทั่วไปเล็กน้อยอีกทั้งอวัยวะทางร่างกายนั้นก็จะมีความสมบูรณ์มากกว่าเด็กที่คลอดในระยะเวลา 9 เดือนอยู่เล็กน้อยค่ะ และนี่ก็เป็นความรู้ดี ๆ ที่เราอยากนำมาฝากคุณแม่ทุกคนเกี่ยวกับพัฒนาการทารกในครรภ์ทั้ง 9 เดือนค่ะ
Credit Picture : https://www.freepik.com/